เรื่องน่ารู้ก่อนขอสินเชื่อ เครดิตบูโรกับแบล็กลิสต์ คืออะไร |
|
อ้างอิง
อ่าน 97 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
pooonyyheaddd12
|
เครดิตบูโร (Credit Bureau) และแบล็กลิสต์ (Blacklist) เป็นคำที่หลายคนมักจะได้ยินเมื่อต้องการขอสินเชื่อ ซึ่งเราเชื่อว่ายังมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจความหมายของทั้ง 2 คำนี้ว่าคืออะไร มีความสำคัญกับการขอสินเชื่อจริงไหม หรือแม้กระทั่งทั้ง 2 คำนี้มีอยู่จริงหรือไม่ แน่นอนว่าในบทความนี้จะพาคุณมาให้คำตอบที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเครดิตบูโร และแบล็กลิสต์
ทำความรู้จักเครดิตบูโรคืออะไร?

เครดิตบูโร (Credit Bureau) หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ เช่น บัญชีสินเชื่อ ประวัติการชำระเงิน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะสะท้อนถึงพฤติกรรม ความน่าเชื่อถือ และวินัยทางการเงินของเจ้าของข้อมูล โดยสถาบันการเงินจะนำข้อมูลเครดิตบูโรนี้มาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ
สำหรับผู้ที่มีประวัติเครดิตบูโรที่ดี ทางสถาบันการเงินก็จะอนุมัติสินเชื่อให้ง่ายกว่า รวมถึงยังมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ได้อีกด้วย โดยข้อมูลที่จัดเก็บหรือรายงานในเครดิตบูโร จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
-
ข้อมูลบ่งชี้ ที่แสดงถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลที่เราเป็นผู้แจ้งกับสถาบันการเงิน เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด อาชีพ เลขบัตรประชาชน เป็นต้น
-
ข้อมูลสินเชื่อ ทั้งข้อมูลการอนุมัติสินเชื่อ และประวัติการชำระหนี้ เช่น สินเชื่อที่กำลังผ่อนชำระอยู่ สินเชื่อที่เคยขอ วงเงินที่ได้รับ สถานะบัญชี รายละเอียดการชำระหนี้ว่ามีค้างชำระ และชำระตรงเวลาหรือไม่ เป็นต้น
เครดิตบูโรติดกี่ปี
สำหรับผู้ที่ค้างชำระเกิน 90 ทางสถาบันการเงินทำการส่งข้อมูลสินเชื่อให้กับบริษัทข้อมูลเครดิตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ค้างชำระ และจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในฐานข้อมูลต่อไปอีกไม่เกิน 3 ปีนับจากวันที่ได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงิน ซึ่งหากมีประวัติค้างชำระ แต่ได้มีการมาทยอยชำระหนี้ย้อนหลังจนครบแล้ว สถาบันการเงินจะนำส่งข้อมูลปิดบัญชีไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตในเดือนถัดไป และปรากฏเป็นสถานะ “ปิดบัญชี”
แบล็กลิสต์ (Blacklist) มีจริงไหม?

เมื่อพูดถึงเครดิตบูโร อีกคำที่หลายคนนึกถึงตามมาก็คือ “แบล็กลิสต์” ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า ที่ขอสินเชื่อไม่ผ่านแม้ว่าจะมีการเคลียร์หนี้ค้างชำระไปแล้วเป็นเพราะติดแบล็กลิสต์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจัดเก็บข้อมูลของเครดิตบูโร ไม่ได้จัดเก็บเป็นแบล็กลิสต์ และไม่มีคำว่าแบล็กลิสต์แต่อย่างใด
แต่เครดิตบูโรจะจัดเก็บข้อมูลตามความจริง หากมีการชำระแล้วก็จะขึ้นสถานะ “ปกติ” หรือ “ไม่ค้างชำระ” แต่หากยังไม่ชำระหนี้ก็จะขึ้นสถานะ “ค้างชำระ” ซึ่งถ้าหากมีการชำระหนี้ไปแล้ว ทางเครดิตบูโรก็จะขึ้นสถานะ “ปิดบัญชี” ให้ตามปกติ เพียงแต่ข้อมูลเหล่านั้นจะยังไม่ถูกลบออกไปจนกว่าจะถึงกำหนดที่กฎหมายให้เก็บข้อมูลไว้ได้
กู้เงินไม่ผ่านเพราะติดเครดิตบูโรจริงไหม?
ต้องบอกก่อนว่า เครดิตบูโรไม่ได้มีหน้าที่ในการอนุมัติสินเชื่อแต่อย่างใด เป็นเพียงบริษัทที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลสินเชื่อเท่านั้น เพียงแต่ธนาคารจะนำข้อมูลเครดิตบูโรของผู้ขอสินเชื่อมาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งคนที่มีประวัติเครดิตบูโรไม่ดี มีการค้างชำระ สถาบันการเงินก็จะไม่ค่อยอนุมัติสินเชื่อให้ เนื่องจากมองเห็นว่าผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนด หรือมองเห็นว่าวงเงินสินเชื่อสูงกว่าที่ผู้กู้จะสามารถชำระได้
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับข้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโร และแบล็กลิสต์ที่เราอธิบายไปข้างต้น เชื่อว่าคงจะทำให้ผู้ที่กำลังขอสินเชื่อหลาย ๆ คนเข้าใจเครดิตบูโรได้อย่างถูกต้องมากขึ้น สำหรับวิธีที่จะช่วยให้เราไม่มีประวัติเสียในเครดิตบูโรเพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างง่ายดายก็คือ “การชำระหนี้ให้ตรงเวลา” เพราะนอกจากจะช่วยให้ประวัติเครดิตของเราดูน่าเชื่อถือแล้ว สถาบันการเงินยังเล็งเห็นถึงความมีวินัยและความสามารถในการจัดการหนี้ของเรา และส่งให้สถาบันการเงินไว้วางใจที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับคุณได้อีกด้วย
|
|
pooonyyheaddd12 [103.40.190.xxx] เมื่อ 17/07/2023 17:15
|